Call Center 1183
โควิด และเหตุผลที่ทุกคนควรจะทำประกันโรคร้ายแรง

โควิด และเหตุผลที่ทุกคนควรจะทำประกันโรคร้ายแรง

เฟร็ดเดอริค โจเซฟ เฮกเนอร์,

ผู้จัดการสุขภาพส่วนภูมิภาค กลุ่มบริษัท ทูนโพรเทค: มุ่งเน้นที่ความเรียบง่ายและการสร้างการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าประกันภัยของเรา

เผยแพร่ 22 ก.ย. 2021

 

เมื่อเดือนที่แล้ว ผมได้เขียนบทความเกี่ยวกับ สถานการณ์โควิดที่เร่งผลักดันอุตสาหกรรมประกันภัยให้มีความดิจิทัลมากขึ้น เมื่อเราเริ่มตระหนักว่าโควิด-19 จะอยู่ต่อไปอีกนานแม้ว่าจะเริ่มมีวัคซีนแจกจ่ายอย่างแพร่หลาย บริษัทประกันจะต้องหาทางแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วว่าจะทำอย่างไรที่จะสามารถอยู่กับไวรัสได้ในช่วงระยะแพร่ระบาด โดยวิธีหนึ่งที่บริษัทประกันสามารถสร้างคุณค่าให้แก่ลูกค้าและปกป้องเราจากความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นที่เกี่ยวข้องกับโควิดนั้น คือการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เรียบง่ายแต่คนส่วนใหญ่อาจจะยังไม่คุ้นเคย: การประกันโรคร้ายแรง

 

ในหลายประเทศของโลก เราสามารถซื้อประกันแบบส่วนตัวที่มีความคุ้มครองแบบครอบคลุมทุกอย่างได้ แต่ประกันในรูปแบบนี้อาจมีราคาสูงไปสำหรับหลายๆ คน

 

การประกันโรคร้ายแรงนั้นอาจเป็นทางออกที่น่าสนใจหากปัจจัยด้าน "การสร้างความตระหนักถึงความสำคัญ" ถูกนำมาประชาสัมพันธ์ ผลิตภัณฑ์สำหรับโรคร้ายแรงทั่วไปมักครอบคลุมความเสี่ยงด้านสุขภาพที่รุนแรง ได้แก่ โรคมะเร็ง โรคหัวใจ หรืออวัยวะล้มเหลวและในบางกรณีรวมถึง โรคเบาหวานและการบาดเจ็บต่าง ๆ

 

ก่อนเกิดไวรัสโควิด ตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ดังกล่าวถือว่าเป็นตลาดที่ค่อนข้างใหม่ ประโยชน์ของการซื้อประกันโรคร้ายแรงคือการเพิ่มระดับความปลอดภัยและคุ้มครองเราจากความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง โดยโควิดได้เพิ่มระดับความซับซ้อนให้กับปัญหาสุขภาพของเราทุกคนในหลายๆ ด้าน ไม่เพียงแต่สุขภาพระยะยาวของเราจะได้รับผลกระทบหากเราติดเชื้อรวมถึงหลักจากที่เราหายจากการติดโควิดก็ตาม นอกจากนี้เรายังมีความเสี่ยงที่จะเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงอันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและพฤติกรรมอันเนื่องมาจากโควิดอีกด้วย

 

ไม่เพียงแต่สุขภาพระยะยาวของเราจะได้รับผลกระทบหากเราติดเชื้อรวมถึงหลักจากที่เราหายจากการติดโควิดก็ตาม นอกจากนี้เรายังมีความเสี่ยงที่จะเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงอันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและพฤติกรรมอันเนื่องมาจากโควิดอีกด้วย

 

ที่ Tune Protect เรากำลังคาดการณ์ถึงความเสี่ยงใหม่ๆเหล่านี้ โดยเริ่มจากการตระหนักถึงผลกระทบระยะยาวจากโควิด ในขณะที่เราปรับตัวและแก้ปัญหาต่าง ๆที่เกี่ยวข้องกับโควิดได้อย่างรวดเร็วรวมถึงการดำเนินการป้องกันไวรัสโควิด เราเริ่มเห็นแนวโน้มที่ดูน่าเป็นห่วงโดยเฉพาะในหลายๆกลุ่มของประชากร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนอายุน้อยที่มีความเสี่ยงที่จะพัฒนานิสัยใหม่ ๆ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลง ในพฤติกรรมและวิถีชีวิตในช่วงการระบาดใหญ่

 

นิสัยและเทรนด์อะไรล่ะ ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง? เรามาดูสิ่งเปลี่ยนแปลงเหล่านี้กันดีกว่า:

1. การอยู่ในที่พักอาศัยจะโดยสมัครใจหรือเนื่องจากการล็อกดาวน์ ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพจิตหรือนิสัยการรับประทานอาหารของเรา โดยรูปแบบการกินมากเกินไปกำลังเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับการบริโภคอาหารแปรรูปจากการบริการจัดส่งถึงบ้านมากขึ้น

2. การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากในหลายประเทศตั้งแต่เริ่มระบาด

3. การปิดศูนย์ออกกำลังกายทั้งของภาครัฐและเอกชนส่งผลให้การออกกำลังกายและกิจกรรมต่างๆลดลง

4. ระดับความเครียด ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้าเพิ่มมากขึ้น รวมถึงความต้องการที่จะจัดการกับสิ่งต่างๆพร้อมกันในขณะที่ทำงานหรือเรียนจากที่บ้าน ความรู้สึกโดดเดี่ยวและขาดการพบปะกับเพื่อนและครอบครัวทำให้เกิดปัญหาสุขภาพจิตอีกด้วย

 

นอกจากเรื่องเหล่านี้ยังมีเทรนด์หรือพฤติกรรมอื่นๆอีกที่เกิดขึ้นมา แต่ภาพการเปลี่ยนแปลงโดยรวมถือว่าชัดเจนมาก: การเปลี่ยนแปลงของนิสัยหรือพฤติกรรมของเราอันเนื่องมาจากการระบาดใหญ่กำลังเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเร่งความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรง เช่น มะเร็ง โรคหลอดเลือดสมอง และหัวใจวาย โดยเพื่อแก้ไขปัญหาด้านโรคร้ายแรงเหล่านี้ Tune Protect มุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันโรคร้ายแรง ในรูปแบบดิจิทัลที่เรียบง่าย ไปยังกลุ่มตลาดหลักในประเทศมาเลเซียและไทย โดยมีเป้าหมายที่จะขยายไปยังประเทศอื่นๆ ในอาเซียนและตะวันออกกลางอีกด้วย

 

การเปลี่ยนแปลงของนิสัยหรือพฤติกรรมของเราอันเนื่องมาจากการระบาดใหญ่กำลังเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเร่งความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรง เช่น มะเร็ง โรคหลอดเลือดสมอง และหัวใจวาย

 

เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2564 เราได้เปิดตัว "myFlexiCI" อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับโรคร้ายแรงแบบดิจิทัลเต็มรูปแบบของเรา โดยได้ให้อิสระแก่ลูกค้าในการเลือกความคุ้มครองโรคร้ายแรงที่พวกเขาต้องการ

 

 

เราไม่เพียงแต่เห็นความจำเป็นในการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความเสี่ยงด้านสุขภาพที่เกี่ยวกับโรคร้ายแรงในตลาดประเทศไทยเท่านั้น แต่เรายังเห็นแนวโน้มและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เกี่ยวข้องกับการเกิดขึ้นของโควิดอีกด้วย จากข้อมูลการศึกษาตลาดของเราพบว่าคนไทยอายุน้อยจำนวนมากไม่ได้ตระหนักถึงความเสี่ยงเหล่านี้ที่อาจเกิดขึ้นได้จากนิสัยและพฤติกรรมในปัจจุบัน ประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสำรวจไม่ได้สามารถระบุว่าอะไรคือโรคร้ายแรงอย่างน้อย 1 โรค ตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงาน

 

 

ด้วยเหตุนี้ "myFlexiCI" จึงมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความตระหนักต่อความเสี่ยงด้านสุขภาพที่เกี่ยวกับโรคร้ายแรงในประเทศไทย โดยมีมาเลเซียเป็นประเทศต่อไปที่เราจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ป่วยโรคร้ายแรง และในประเทศไทยนั้น เราเห็นความจำเป็นอย่างมากในการสร้างความตระหนักต่อโรคร้ายแรง ด้วยเหตุผลดังกล่าวอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโควิด ในฐานะบริษัทและหนึ่งในตัวแทนของอุตสาหกรรม เราต้องชี้ให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับ โควิดซึ่งกำลังเร่งการเพิ่มความเสี่ยงต่อสุขภาพ ไม่เพียงแต่เรามองเห็นแนวโน้มที่ดูน่ากังวลมากขึ้นเท่านั้น แต่โดยทั่วไปแล้วประเทศไทยยังมีช่องว่างด้านความคุ้มครองสุขภาพสูงมาก ซึ่งช่องว่างนี้จะสามารถถูกปิดได้ด้วยผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่เรียบง่ายและราคาน่าดึงดูด โดยเราจะมุ่งเน้นไปที่ลูกค้ากลุ่ม "มิลเลนเนียล" ที่อายุน้อย

 

 

 

ในฐานะบริษัทและหนึ่งในตัวแทนของอุตสาหกรรม เราต้องชี้ให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและพฤติกรรมอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดกำลังเร่งการเพิ่มความเสี่ยงต่อสุขภาพและเราจำเป็นต้องสร้างความตระหนักรู้ถึงความเสี่ยงด้านสุขภาพที่ร้ายแรง

การสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงเป็นหัวใจสำคัญของวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ของ Tune Protect เราต้องการเป็นผู้ประกันตนที่เป็นเหมือนพันธมิตรกับลูกค้าของเราอย่างแท้จริงในเส้นทางสุขภาพของพวกเขา เราจะไม่เพียงแต่ปกป้องพวกเขาเท่านั้น แต่เราจะสร้างความตระหนักรู้ไปพร้อม ๆ กันและเสนอบริการที่เป็นนวัตกรรมและเข้าใจง่ายแก่พวกเขาซึ่งช่วยเสริมทางเลือกในการประกันภัยของพวกเขา ตัวอย่าง 2 ตัวอย่าง ได้แก่ บริการที่เราได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ พร้อมกับ"myFlexiCI" ในประเทศไทย ได้แก่ Health2Go และ myEliteDoctor

 

Health2Go คือบริการการแพทย์ทางไกลที่เป็นนวัตกรรมใหม่ซึ่งอยู่ภายใต้ผลิตภัณฑ์ประกันภัยของเรา รวมถึง "myFlexiCI" ที่เป็นการนำเสนอโซลูชั่นแบบครบวงจรสำหรับลูกค้าของเราในการเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ทุกที่ทุกเวลา

 

 

myEliteDoctor เป็นบริการความคิดเห็นที่สองทางการแพทย์ระดับโลกสำหรับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ หลังจากได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคร้ายแรง เช่น โรคมะเร็งหรือโรคหัวใจ

 

 

ตั้งแต่ปี 2022 Tune Protect จะยังคงสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ด้วยบริการใหม่ๆ เช่น การประเมินสุขภาพทางดิจิทัลและเครื่องมือที่จะสามารถส่งคอนเทนต์ตามความต้องการลูกค้าแต่ละคน เครื่องมือเหล่านี้จะทำให้เส้นทางด้านสุขภาพของลูกค้าดีขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น โดยทั้งหมดนี้เริ่มต้นจากการมุ่งเน้นและความมุ่งมั่นของเราในผลิตภัณฑ์ที่เรียบง่ายและเข้าใจง่าย เช่น การประกันโรคร้ายแรง ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความเสี่ยงด้านสุขภาพที่ร้ายแรง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ความเสี่ยงเหล่านี้ถูกเร่งให้เร็วขึ้นจากการระบาดของโควิด-19

 

ทั้งหมดนี้เริ่มต้นด้วยการมุ่งเน้นและความมุ่งมั่นของเราในผลิตภัณฑ์ที่เรียบง่ายและเข้าใจง่าย เช่น การประกันการเจ็บป่วยที่สำคัญ ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความเสี่ยงด้านสุขภาพที่ร้ายแรง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ความเสี่ยงเหล่านี้ถูกเร่งให้เร็วขึ้นจากการระบาดของโควิด-19

 



บทความที่เกี่ยวข้อง

ประกันสุขภาพสำหรับผู้ชาย รวมไปถึงประกันโรคร้ายแรง

ประกันสุขภาพสำหรับผู้ชาย รวมไปถึงประกันโรคร้ายแรง

เดือนพฤศจิกายนถือเป็นเดือนที่รู้จักกันทั่วไปว่าเป็น "เดือนสุขภาพของผู้ชาย" หรือมีชื่อทางการตลาดว่า "Movember" โดยคุณ Travis Garone และ Luke Slattery ทั้งสองเป็นชาวออสเตรเลีย

เปิดค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคหัวใจ โรคฮิตค่าใช้จ่ายสูง

เปิดค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคหัวใจ โรคฮิตค่าใช้จ่ายสูง

ค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคหัวใจถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ตามทูนโพรเทคมาดูว่าในการรักษาแต่ละรูปแบบจะต้องใช้เงินรักษาเท่าไหร่ บทความนี้มีคำตอบ

ประกันโรคมะเร็งควรทำตอนอายุเท่าไหร่

ประกันโรคมะเร็งควรทำตอนอายุเท่าไหร่

โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตสูงสุดของคนไทย ประกันมะเร็งจึงเป็นตัวช่วยที่ดีในการดูแลค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น แล้วประกันมะเร็งควรทำตอนอายุเท่าไหร่ Tune Protect มีคำตอบ