Call Center 1183
วิธีคิด (Mindset) ในยุคมิลเลนเนียลและเรื่องของสุขภาพจิต

วิธีคิด (Mindset) ในยุคมิลเลนเนียลและเรื่องของสุขภาพจิต

เฟร็ดเดอริค โจเซฟ เฮกเนอร์,

ผู้จัดการสุขภาพส่วนภูมิภาค กลุ่มบริษัท ทูนโพรเทค: มุ่งเน้นที่ความเรียบง่ายและการสร้างการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าประกันภัยของเรา

เผยแพร่ 2 พฤศจิกายน 2021

 

ในช่วงสัปดาห์ก่อน  ผมพยายามมองหาหนังสือในห้องนอนของผมเพื่อที่จะมาอ่านโดยเลือกจากหนังสือที่ผมไม่ได้หยิบอ่านมาสักพักแล้ว และจากกองหนังสือหลายๆ เล่มที่วางอยู่ไม่ว่าจะเป็นหนังสือของ Malcolm Gladwell และหนังสือที่ยอดเยี่ยมของ Angela Duckworth ชื่อ Grit ผมได้เจอหนังสือเล่มหนึ่งที่ผมบอกได้เลยว่า หนังสือเล่มนี้เป็นเหมือนของล้ำค่าที่ถูกลืมไป โดยหนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า "Mindset: The New Psychology of Success" เขียนโดย Carol S. Dweck 

 

หนังสือเล่มนี้ได้เล่าถึง ทางเลือกพื้นฐานในการดำเนินชีวิตของคนเรา ในช่วงเวลาที่เราวิ่งตามหาสิ่งสำคัญในชีวิต เช่น การมีลูก เรื่องงาน การศึกษา และความสัมพันธ์  คำถามที่สำคัญคือ และตัวเราเป็นคนแบบไหนระหว่างเป็นคนที่มีทัศนคติแบบดังเดิม ยึดติด (Fixed Mindset) หรือ  เป็นคนที่มีความคิดแบบเติบโต พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ  (Growth Mindset)

 

คนส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่า ทางเดียวที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองได้และดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างดีคือ เราต้องเป็นคนที่มีวิธีคิดแบบ "เติบโต" แต่อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจเลยที่เรามักจะเห็นว่าไอเดียทางธุรกิจ การตัดสินใจในชีวิตหรือทุกทางเลือกความสัมพันธ์มันจะมีซับซ้อน ยุ่งยากและอาจจะอยู่ในกรอบเดิม ๆ เพราะวิธีคิดของเรามักจะเกิดขึ้นจากประสบการณ์ในอดีตและความละเอียดอ่อนของพฤติกรรมมนุษย์เอง

 

ในขณะที่พวกเรามีความตั้งใจที่อยากจะพัฒนาตัวเอง แต่อย่างไรก็ตาม เราก็มักจะได้รับการบอกกล่าวว่า อะไรที่สำคัญกับเราและเรื่องใดเป็นเรื่องที่เราไม่ควรนำตัวเองเข้าไปเสี่ยง

การที่จะหลุดจากกรอบความคิดแบบ “คงที่” ได้นั้นถือเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความกล้าหาญและความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก สิ่งที่น่าเสียดายคือ ในปัจจุบันคนในยุคมิลเลนเนียลจำนวนมากรวมถึงคนที่เป็นผู้นำของบริษัทต่าง ๆ มากมาย ยังไม่สามารถนำแนวคิด แบบ "เติบโต" มาปรับใช้ได้

 

หากเราเจาะลึกถึงความท้าทายที่เราทุกคนต้องเผชิญในช่วงสองปีที่ผ่านมาจากการระบาดของโควิด-19 และการเตรียมรับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปหลังการเกิดโรคระบาด ความจริงที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้  คือ ในตลาดแรงงานทั้งหมด (ไม่ว่าจะเป็นคนที่เพิ่งเริ่มทำงานหรือคนที่กำลังจะออกจากงาน)กลุ่มคนเหล่านี้จะต้องเผชิญกับสภาพจิตที่ย่ำแย่ไปอีกซักพัก เพราะเหตุนี้ การที่จะก้าวข้ามความกลัวที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเราไปในทางที่ดีขึ้นจะเป็นเรื่องที่ยากขึ้นไปอีกระดับ

 

การที่จะหลุดจากกรอบความคิดแบบ “คงที่” ได้นั้นถือเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความกล้าหาญและความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก….. ความจริงที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้  คือ ในตลาดแรงงานทั้งหมด (ไม่ว่าจะเป็นคนที่เพิ่งเริ่มทำงานหรือคนที่กำลังจะออกจากงาน) กลุ่มคนเหล่านี้จะต้องเผชิญกับสภาพจิตที่ย่ำแย่ไปอีกซักพัก เพราะเหตุนี้ การที่จะก้าวข้ามความกลัวที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเราไปในทางที่ดีขึ้นจะเป็นเรื่องที่ยากขึ้นไปอีกระดับ

 

จากการศึกษา โดย Swiss Re ในปี 2564  เกี่ยวกับตลาดสุขภาพจิตของประเทศไทย ผมขอสรุปสิ่งที่น่าสนใจออกเป็น 4 เรื่องดังนี้:

1. ปัญหาด้านสุขภาพจิตที่ผู้ตอบแบบสอบถามคิดว่าสำคัญที่สุดและต้องการความคุ้มครอง คือ โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล และโรคอารมณ์สองขั้ว

2. ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่พร้อมที่จะให้บริษัทประกันเข้ามาดูแลพวกเขาตั้งแต่เนิ่น ๆ หากพวกเขาเริ่มมีอาการทางจิต

3. สิ่งสำคัญที่บริษัทประกันจะเข้ามาช่วยเหลือได้ คือการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิต การสนับสนุนทางการแพทย์ การรักษาในโรงพยาบาล และการฟื้นฟูสมรรถภาพ นอกจากนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามยังคาดหวังบริการเพิ่มเติม เช่น การตรวจและวินิจฉัยสุขภาพจิตฟรี การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และความช่วยเหลือสายด่วนตลอด 24 ชั่วโมง

4. นอกจากนี้ มากกว่า 40% ของผู้ปกครองสนใจบริการเพิ่มเติมสำหรับลูกหลานของพวกเขา เช่น การให้คำปรึกษา การจ่ายยา การรักษาในโรงพยาบาล และการบำบัด

 

การศึกษาในครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นว่าปัญหาสุขภาพจิตกำลังถูกลดบทบาทความสำคัญลงและการพูดถึงเรื่องเหล่านี้ยังไม่ได้รับการยอมรับในสังคมทั้งในประเทศไทยและทวีปเอเชียรวมถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดเช่นในตอนนี้ มันเป็นเรื่องปกติ ที่เราจะรู้สึกไม่โอเค” โดยบริษัทเอกชนที่อยู่ในอุตสาหกรรมประกันสุขภาพมีหน้าที่ที่จะแนะนำ มองหาทางเลือกที่หลากหลายในการแก้ปัญหาเหล่านี้ ความรับผิดชอบนี้ไม่เพียงแต่จะพูดถึงหน้าที่ความรับผิดชอบต่อสังคมเพื่อให้แน่ใจคนรุ่นต่อ ๆ ไปจะมีสุขภาพจิตที่ดี แต่ยังรวมถึง การนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณค่าที่เกี่ยวกับสุขภาพจิตจะช่วยทำให้บริษัทประกันสามารถสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างยั่งยืน

 

ความรับผิดชอบนี้ไม่เพียงแต่จะพูดถึงหน้าที่ความรับผิดชอบต่อสังคมเพื่อให้แน่ใจคนรุ่นต่อ ๆ ไปจะมีสุขภาพจิตที่ดี แต่ยังรวมถึง การนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณค่าที่เกี่ยวกับสุขภาพจิตจะช่วยทำให้บริษัทประกันสามารถสร้างปฏิสัมพันธ์ให้กับลูกค้าได้อย่างยั่งยืน

 

พวกเรา Tune Protect Thailand ให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตของคนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในครั้งนี้ และนี่คือเหตุผลว่า ทำไมเราถึงเริ่มสร้างพันธมิตรกับบริษัทที่มีนวัตกรรมใหม่ ๆ ด้านสุขภาพรวมถึงบริษัทที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพส่วนบุคคล เช่น บริษัท Naluri ในประเทศมาเลเซีย

 

 

เพราะพวกเรา Tune Protect Thailand ใส่ใจคุณ

ฟรี!! การตรวจวัดสภาวะทางจิตใจและการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิต

เพราะเราใส่ใจด้านสุขภาพจิตของคุณ เพื่อช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีขึ้นและเป็นตัวคุณในแบบที่ดีที่สุด เราได้ร่วมมือกับ Naluri เพื่อจะบริการการตรวจวัดสภาวะทางจิตใจสำหรับลูกค้าประกันของเราทุกคน นอกจากนี้ เราจะมีวีดีโอ 3 ตัวเพื่อให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตโดยนักจิตวิทยา โดยเราจะมอบบริการพิเศษนี้ให้กับลูกค้า 1,000 ท่านแรกของ PRO-Health Medical 

 

คุณสามารถเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้ดังนี้

  1. การประเมินสุขภาพจิต โรคซึมเศร้า ความวิตกกังวลและระดับความเครียด ( DASS-21)
  2. การเข้าถึงแหล่งข้อมูลของ Naluri  ( Naluri’s Portal )

A การสัมมนาผ่านเว็บที่จัดทุก ๆ 2 สัปดาห์โดยโค้ชผู้เชี่ยวชาญของ Naluri

B บทความและจดหมายข่าวรายเดือน

  1. สัมมนาออนไลน์ 3 ครั้งกับนักจิตวิทยาของ Naluri

 

Naluri เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินสุขภาพผ่านช่องทางออนไลน์ (DASS-21) โดยเป็นเครื่องมือประเมินสุขภาพที่เน้นความง่ายและรวดเร็ว สามารถวิเคราะห์ความเสี่ยงของลูกค้าต่อการเกิดปัญหาสุขภาพจิตที่มีความร้ายแรง เช่น ภาวะซึมเศร้าหรือความเครียด

นอกจากนี้ Naluri ยังเป็นผู้ริเริ่มการทำการตลาดและการออกแบบผลิตภัณฑ์โดยใช้ดิจิทัลเป็นหลัก (Digital First) เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า (ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าบุคคลหรือลูกค้าในรูปแบบบริษัท) และปรับเปลี่ยนแนวทางการแก้ปัญหาที่แตกต่างเพื่อช่วยให้ลูกค้าลดภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล และความเครียดในชีวิตประจำวัน  โดยแนวทางการแก้ปัญหาดังกล่าวจะรวมถึงการฝึกสอนออนไลน์ การบำบัด และการออกกำลังกายทั้งด้านจิตใจและร่างกาย ซึ่งสามารถดำเนินการผ่านอุปกรณ์มือถือและแท็บเล็ต

 

ย้อนกลับมาพูดถึงปัญหาด้านสุขภาพจิตและความท้าทายต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มลูกค้ามิลเลนเนียลในสถานที่ทำงานของพวกเขาซึ่งเราได้กล่าวไปข้างต้น พวกเรา Tune Protect Thailand ต้องการที่จะนำเสนอบริการต่าง ๆ โดยร่วมมือกับพันธมิตรที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น Naluri เพื่อจะช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้

 

นอกจากนี้ เราต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เข้าไปตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มมิลเลนเนียลโดยตรงเพื่อให้พวกเขาสามารถโฟกัสอยู่กับชีวิตส่วนตัวและอาชีพการงานได้โดยไม่ต้องเผชิญหรือกังวลไปกับปัญหาที่เข้ามา ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวของเราจะช่วยให้กลุ่มมิลเลนเนียลรับมือกับความท้าทายในด้าน “การสร้างสมดุลชีวิตและการทำงาน" ซึ่งเป็นปัญหาที่คนส่วนใหญ่ต้องเจอ

 

Tune Protect Thailand มีความกังวลเกี่ยวกับเทรนด์ในตลาดแรงงานที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกหมดไฟ ไม่มีพลังในการทำงาน (Great Millennial Burnout) และ การลาออกครั้งยิ่งใหญ่ (Great Resignation) ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีผลกระทบต่อแรงงานรุ่นเยาว์ในปัจจุบัน

 

โดยเราเริ่มเห็นเทรนด์เหล่านี้เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาและประเทศในทวีปยุโรปเมื่อต้นปีนี้ โดยเหตุการณ์เช่นนี้จะไม่ได้จะเกิดขึ้นแค่เพียงพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งแต่เป็นปัญหาที่ฝังลึกไปกับคนกลุ่มมิลเลนเนียลจำนวนมาก

ที่ Tune Protect Thailand เราพยายามมองหาวิธีต่อสู้กับความกลัวจากความรู้สึกหมดไฟนี้และหาวิธีแก้ปัญหาให้กับคนรุ่นมิลเลนเนียล โดยเราต้องการให้พวกเขาสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิผลและมีชีวิตส่วนตัวที่ดีขึ้น ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพจิตเพิ่มเติม และ Digit และ PolicyBazzar เป็นตัวอย่างของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวที่กำลังเติบโตในประเทศอินเดียบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ

 

ประกันสุขภาพครอบคลุมถึงสุขภาพจิตหรือไม่?

ความเจ็บป่วยทางจิตเป็นหัวข้อที่ถูกเลี่ยงที่จะนำมาพูดถึง กล่าวคือปัญหาสุขภาพจิตถือเป็นเรื่องที่น่าอับอายในสังคม อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องน่ายินดีที่ตอนนี้สิ่งเหล่านี้กำลังเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ผู้คนเริ่มกล้าที่จะพูดคุยถึงปัญหาสุขภาพจิตมากขึ้นและเข้าใจถึงความสำคัญของมันเหมือนกับสุขภาพร่างกาย โดยการเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในตลาดประกันภัยด้วย 

 

เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม หน่วยงานกำกับดูแลและพัฒนาด้านการประกันภัยแห่งอินเดีย (IRDAI) ได้ขอให้บริษัทประกันภัยจัดทำข้อกำหนดเพื่อครอบคลุมความเจ็บป่วยทางจิต  การเริ่มต้นนี้เป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งเนื่องจากปัญหาสุขภาพจิตมีขอบเขตที่กว้างโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศอินเดีย  ณ ตอนนี้การประกันสุขภาพจิตเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วและจะไม่ถูกแบ่งแยกออกจากการประกันสุขภาพของคุณอีกต่อไป 

 

ตามการสำรวจสุขภาพจิตแห่งชาติของอินเดียในปีงบประมาณ 2559 ที่ดำเนินการโดยสถาบันสุขภาพจิตและประสาทวิทยาศาสตร์แห่งชาติ เกือบ 15% ของผู้ใหญ่ชาวอินเดียจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้านสุขภาพจิตอย่างน้อย 1 อย่าง

 

ที่ Tune Protect Thailand เราพยายามมองหาวิธีต่อสู้กับความกลัวจากความรู้สึกหมดไฟนี้และหาวิธีแก้ปัญหาให้กับคนรุ่นมิลเลนเนียล โดยเราต้องการให้พวกเขาสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิผลและมีชีวิตส่วนตัวที่ดีขึ้น ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพจิตเพิ่มเติม

 

ผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของเราจะนำเสนอตามแนวคิด "ดิจิทัลมาก่อน" ( Digital First ) ผ่านการใช้งานมือถือ อินเทอร์เน็ตและแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่าง ๆ ทั้งนี้ เราเชื่อมั่นว่าประโยชน์ของผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะช่วยให้องค์กรต่าง ๆทั้งบริษัทเอกชนและบริษัทมหาชนสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วอันเนื่องมาจากพนักงานที่มีสุขภาพจิตที่ดี (มีเหตุมีผลและมีความสุขมากขึ้น)

 

เราเชื่อมั่นว่าประโยชน์ของผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะช่วยให้องค์กรต่าง ๆ ทั้งบริษัทเอกชนและบริษัทมหาชนสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วอันเนื่องมาจากพนักงานที่มีสุขภาพจิตที่ดี (มีเหตุมีผลและมีความสุขมากขึ้น)

 

ในเวลานี้ความกลัวต่อการที่จะเปลี่ยนแปลงของกลุ่มมิลเลนเนียลนี้ถือเป็นปัญหาที่ร้ายแรง และพวกเราทุกคนถือเป็นส่วนสำคัญในการช่วยกันแก้ไขปัญหานี้ การหาแนวทางแก้ไขปัญหานี้จะช่วยให้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกหลังโควิด-19 กลับมาเติบโตจากการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและผลผลิตที่ดีขึ้น ในส่วนของพวกเราที่ Tune Protect Thialand เราจะเน้นการสร้างการตระหนักรู้ให้กับกลุ่มมิลเลนเนียลและนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการประกันภัยที่เหมาะสมเพื่อช่วยให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและมีสุขภาพที่ดี

 

ร่วมสร้างอนาคตที่สดใสไปกับเราที่ Tune Protect Thailand กับกลุ่มมิลเลนเนียล การปรับวิธีคิดของกลุ่มมิลเลนเนียลเป็นเรื่องท้าทายที่เราต้องสู้ไปด้วยกันและขอให้มั่นใจว่าทุกอย่างจะจบลงด้วยดี 

 



บทความที่เกี่ยวข้อง